UFABETWINS พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020-21 กำลังจะกลับมาเปิดฉากอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในสุดสัปดาห์นี้

ตลอด 28 ฤดูกาลที่ผ่านมา เข้าสู่ปีที่ 29 พรีเมียร์ลีกเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่เคยหยุดนิ่ง ทั้งในแง่คุณภาพเกมการแข่งขัน และมูลค่าทางธุรกิจ กลายเป็น ลีกลูกหนังยอดนิยมอันดับหนึ่งของโลก ที่แม้แต่คนไม่ดูฟุตบอล ต่างเคยได้ยินชื่อผ่านหู คุ้นเคยเป็นอย่างดี จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อราว 30 ปีก่อน มีตั้งลีกใหม่ชื่อว่า “พรีเมียร์ลีก” มีสถานะเป็นลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ แทนที่ ดิวิชั่น 1 (เดิม) หลายคนอาจไม่รู้ว่า จุดเริ่มต้นของฟุตบอลแนวคิด การสร้างพรีเมียร์ลีก

ได้รับแรงขับผลักดัน อิทธิพลมาจากไหน ทำไมสโมสรฟุตบอลจากลีกสูงสุดต้องแยกตัวออกมาตั้งลีกเป็นของตัวเอง เหตุเกิดจากฮูลิแกน หากจะเขียนถึงจุดเริ่มต้นของพรีเมียร์ลีก ต้องย้อนกลับไปยังช่วงทศวรรษ 70s อันเป็นยุคทองของฟุตบอลอังกฤษ สโมสรจากแดนผู้ดี เริ่มก่อร่างสร้างทีมคว้าความสำเร็จ ภายในช่วงพริบตาเดียว ทีมในอังกฤษ เบียดสโมสรจากเยอรมัน, เนเธอร์แลนด์, อิตาลี หรือ สเปน ตกกระป๋อง ลิเวอร์พูล, แอสตัน วิลลา, น็อตติงแฮม ฟอเรสต์

UFABETWINS

คว้าแชมป์ยูโรเปียน คัพ (ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ในปัจจุบัน) ส่วน ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์, อิปสวิช ทาวน์ พิชิตถ้วยยูฟ่า คัพ (ยูโรป้า ลีก ในปัจจุบัน) มาครอง เรียกได้ว่า ทีมจากอังกฤษ ครองความยิ่งใหญ่ทั่ววงการฟุตบอลยุโรป ในช่วงปลายยุค 70s และต้น 80s ทว่าไม่ใช่แค่ชื่อเสียงของสโมสร ที่ดังกระฉ่อนไปทั่วยุโรป แต่ยังรวมถึงความซ่าของกลุ่มแฟนบอลวัยหนุ่ม ที่ถูกเรียกว่า “ฮูลิแกน” ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศอังกฤษ การทะเลาะวิวาท บริเวณสนามฟุตบอล

โดยกลุ่มฮูลิแกน กลายเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เกิดแค่ในประเทศอังกฤษ แต่รวมถึงยามสโมสรจากแดนผู้ดี ออกไปเล่นเกมยุโรป เหล่าวัยรุ่นจอมซ่า จะเดินทางตามทีมรัก ไปชกต่อยกับแฟนบอลเจ้าถิ่น รวมถึงใช้โอกาสนี้ ในการปล้นเงิน และสินค้า เพื่อสมทบทุนค่าใช้จ่าย ในการซื้อเครื่องแต่งกายสุดเท่ของตัวเอง ฮูลิแกน คือ ปีศาจร้ายของวงการฟุตบอลทั่วยุโรป สร้างชื่อเสียมากมายให้วงการลูกหนังอังกฤษ จนทำให้บุคคลสำคัญ อย่าง มาร์กาเรต แธตเชอร์ นายกรัฐมนตรีหญิง

ของอังกฤษ ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 1979 ไม่พอใจอย่างมาก โทษฐานทำชื่อเสียงประเทศชาติเสื่อมเสีย เธอมีเป้าหมายจะพาแดนผู้ดี กลับมาผงาดเป็นเบอร์ 1 ของทวีปยุโรปอีกครั้ง หลังต้องเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจ และสังคม มายาวนานหลายปี แธตเชอร์มองว่า ฮูลิแกน คือหนึ่งในตัวการ ที่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมของทีมฟุตบอลอังกฤษ บนเวทียุโรป ทำให้แธตเชอร์ไม่สบโอกาส ในการจัดการฮูลิแกนเสียที แต่ทุกอย่างได้เป็นใจให้นางสิงห์เหล็กผู้นี้

หลังเกิด “โศกนาฏกรรมเฮย์เซล” เมื่อปี 1985 เกมนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลยูโรเปียน คัพ ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ ยูเวนตุส กลายเป็น ฝันร้ายของวงการฟุตบอล เมื่อฮูลิแกนของทีมหงส์แดง พากันข้ามโซนบนอัฒจันทร์ของตัวเอง เพื่อไปเล่นงานแฟนบอลของทีมม้าลาย จนเกิดเหตุการณ์อัฒจันทร์ถล่ม และนำมาซึ่งการเสียชีวิตของแฟนบอลรวม 39 คน บาดเจ็บมากกว่า 600 คน ผลลัพธ์ที่ตามมา คือ สโมสรฟุตบอลจากอังกฤษโดนแบน 5 ปีจากฟุตบอลยุโรป ส่วนลิเวอร์พูล

UFABETWINS

รับโทษหนักที่สุด ถูกแบน 6 ปี โทษฐานแฟนบอลของทีมเป็นฝ่ายก่อเรื่อง ความภูมิใจในกีฬาลูกหนังของชาวอังกฤษ สูญสิ้นในทันที จากที่ครองยุโรป กลายเป็นหมดสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขัน หลังจากนั้น เรื่องราวแย่ ๆ เริ่มเปิดเผยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง “ชื่อเสีย” ที่โด่งดังถึงขีดสุด ทำให้ฟุตบอลอังกฤษ ถูกมองเป็นลีกฟุตบอลเสื่อมโทรม นักฟุตบอลจากต่างประเทศ ไม่อยากย้ายมาเล่นบนแดนผู้ดี นักเตะในชาติ ก็ต้องการจะย้ายออก เพื่อไปสัมผัสเกมยุโรป รวมถึงแฟนบอล

จำนวนไม่น้อย ที่เลือกหันหลังให้เกมลูกหนัง เพราะไม่อยากพาตัวเอง และครอบครัว ไปเสี่ยงอันตราย จากการทะเลาะวิวาทของฮูลิแกน ได้เวลาปฏิวัติ “ฉันหวังว่า ฉันจะจับคนพวกนั้นได้ ให้พวกเขาได้ขึ้นศาล ให้พวกเขาได้มารับผิดชอบ กับสิ่งที่เกิดขึ้น และลงโทษให้หนักที่สุด เพื่อที่จะหยุด พวกเขาทุกคน ที่ยังคิดจะเดินในเส้นทางสายนี้” มาร์กาเรต แธตเชอร์ กล่าวหลังเกิดเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมเฮย์เซล อันเป็นการส่งสัญญาณว่า การกวาดล้างฮูลิแกนอย่างจริงจัง

ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว วิธีหลักที่นายกรัฐมนตรีหญิงอังกฤษ ใช้จัดการฮูลิแกน คือ การปราบปรามด้วยกำลังตำรวจ อย่างมีระบบ อย่างไรก็ตาม เธอรู้ดีว่า การใช้กำลังทางกายภาพ ไม่ใช่วิธีที่จะกำจัดแฟนบอลอันธพาลได้อย่างเด็ดขาด แต่ต้องทำให้นักเลงพวกนี้ ไม่มีที่ยืนในวงการฟุตบอลอีกต่อไป แธตเชอร์ คือนายกรัฐมนตรี ที่พลิกอังกฤษ ให้กลับมาเป็นชาติแถวหน้าของโลกอีกครั้ง ดังนั้นการกำจัดฮูลิแกน ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ เพียงแค่นำในสิ่งที่เธอเคยทำ กับการเปลี่ยน

ประเทศ มาใช้กับวงการฟุตบอล ทุนนิยม กลายเป็นสิ่งที่แธตเชอร์ ยัดให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษ เปิดโอกาสให้นักธุรกิจ เข้ามาเป็นผู้บริหารฟุตบอล เปลี่ยนฟุตบอลให้กลายเป็นสนามการค้า พูดคุยด้วยผลประโยชน์ทางการเงินมากขึ้น ประกอบกับช่วงเวลานั้น หลายสโมสรโดนพิษฮูลิแกน เล่นงานอย่างต่อเนื่อง แฟนบอลเข้าสนามลดลง รายได้หดหาย เมื่อไม่มีเงิน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกของทีม มีสภาพย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ สนามเหย้าของทีมทรุดโทรม เก่าแก่จนไม่รู้ว่าจะ

ถล่มลงมาตอนไหน ฟุตบอลอังกฤษ ตามหลังลีกสเปน และอิตาลี ในแง่ของจำนวนผู้ชม รวมถึงรายได้ของสโมสร ดังนั้นแล้ว สำหรับผู้มีอำนาจในวงการลูกหนังแดนผู้ดี นี่คือความเสื่อมเสีย ทำให้พวกเขาพร้อมเปิดรับแนวคิดทุนนิยม แบบแธตเชอร์ เข้ามามีบทบาทในวงการฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล และท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ เป็นแกนนำที่ออกมาแสดงแนวทาง การปฏิวัติฟุตบอลอังกฤษ ทั้ง 3 ทีม มีประธานสโมสรเป็นนักธุรกิจ ที่เข้ามารับตำแหน่งในช่วงยุค

80s นักธุรกิจเหล่านี้ เห็นด้วยกับแธตเชอร์ว่า วงการลูกหนังแดนผู้ดี สามารถมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว หากสามารถกำจัด แฟนบอลอันธพาลออกไปได้ วิธีกำจัดฮูลิแกน ง่ายดายกว่าที่หลายคนคาดคิด เพียงแค่เพิ่มราคาตั๋วให้มีราคาแพงหูฉีก เหล่าวัยรุ่นที่ไม่มีงานเป็นหลักแหล่ง ก็ไม่มีเงินมากพอที่จะเข้ามาซื้อตั๋ว ชมการแข่งขัน อิทธิพลของฮูลิแกนหายไปอย่างรวดเร็ว เป้าหมายแฟนบอลกลุ่มใหม่ คือ คนชนชั้นกลาง และการขยายตลาดสู่ต่างชาติ เจ้าของหลายสโมสร

เลือกลงทุนด้วยเงินก้อนโต พัฒนาคุณภาพสนาม สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้สมกับตั๋วราคาแพง เพื่อดึงดูดแฟนกระเป๋าหนักเข้าสู่สนาม
ฟุตบอลอังกฤษเริ่มกลับสู่ความนิยมอย่างรวดเร็ว สโมสรฟุตบอลเริ่มรู้สึกว่า หากหันมาทำธุรกิจผ่านกีฬาอย่างจริงจัง ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหากำไรกลับคืน และพัฒนาคุณภาพของทีม ทำให้พวกเขามองเห็นโอกาสที่ใหญ่กว่า ในการคว้าเงินก้อนโตไว้ในมือ ลีกแห่งธุรกิจ ท่ามกลางการปราบปรามฮูลิแกน แม้ว่าแฟนบอล

จะหันหลังให้กับการเข้าชมเกมในสนาม แต่พวกเขาไม่ได้เลิกติดตามฟุตบอล เพียงแต่หันไปรับชมเกม ด้วยช่องทางใหม่ นั่นคือ “การถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์” ที่เริ่มต้นได้รับความนิยมตั้งแต่ยุค 70s พร้อม ๆ กับการเกิดขึ้นของลัทธิฮูลิแกน ยิ่งกลุ่มอันธพาลลูกหนังเติบโตมากเท่าไหร่ ยิ่งมีแฟนบอลนั่งอยู่บนโซฟา เพื่อชมเกมผ่านหน้าจอมากเท่านั้น

 

คลิ๊กเลย >>> UFABETWINS

อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล