บรรยากาศแห่งจตุรมิตรกลับมาอีกครั้งแล้วนะครับ เหล่าศิษย์เก่า-นักเรียนเก่าของทั้งสี่โรงเรียนในเครือจตุรมิตรคงเข้าใจดีว่าบรรยากาศที่ว่านั้นเป็นอย่างไร

รุ่นต่อรุ่น ยุคต่อยุค ความผูกพันที่มีต่อโรงเรียน เพื่อนร่วมห้อง เพื่อนร่วมชั้น รุ่นพี่ รุ่นน้อง กิจกรรมหัวหกก้นขวิดทั้งหลาย

เปลวแดดและไอร้อนบนอัฒจันทร์ยามแปรอักษรทำสีผิวตัดกันเป็นทางม้าลาย ไม่อายหรอกแค่เอามาอวดกันว่ารอยตัดของกูชัดกว่ามึงอีก

ร้อนไหม.. ร้อน ร้อนโคตรๆ ด้วย แต่ใจชื้นทุกครั้งที่พลิกแผ่นเพลทแล้วได้ยินเสียงปรบมือโห่ร้องจากพี่ๆ ที่อยู่ฟากตรงข้ามของอัฒจันทร์

    “ระวัง.. ระวัง.. พลิก”

“โค้ดปรบมือโค้ดที่ 9 นะครับน้อง”

“เยี่ยมมากครับน้อง ได้ยินเสียงปรบมือจากพี่ๆ ที่อยู่ฝั่งนู้นมั้ยครับ”

“น้องครับ.. ตะโกนให้ดังสุดเสียง นักกีฬาของเรากำลังต้องการน้องครับ”

“ดูหลีด!”

“เทพฯ เผด็จศึก!”

“มาร์ชชมพู-ฟ้า!”

“ม่วงทองผ่องอำไพ!”

“อินทรีรุก!”

ถุงอุปกรณ์ใส่เพลท ในนั้นมีของจำเป็นสำหรับการแปรอักษรครบถ้วน สมุดโค้ด แผ่นเพลท โค้ดไฟ หมวก ถุงมือผ้าหน้า/หลังคนละสี ถุงมือพลาสติกกรอบแกรบสีส้ม กล่องข้าว ขวดน้ำ..

ใจเต้นระทึกเมื่อมองลอดช่องระหว่างแผ่นเพลทลุ้นเกมในสนาม นักกีฬาของเรากำลังจะทำประตู นักกีฬาของเรากำลังจะเสียประตู

หันไปข้างๆ ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็เพื่อน แถวบนก็เพื่อน แถวล่างก็เพื่อน แล้วเราก็พบว่าไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่หัวใจกำลังเต้นแรงระรัวถี่ยิบเหมือนมีใครลั่นกลองอยู่ข้างใน

แล้วแสงแดดที่แผดเปรี้ยงมาตลอดบ่ายก็เริ่มเบามือลง คลายความร้อนหย่อนความเย็นผ่านมาให้เราด้วยสายลมโชย

มันเย็นสบายอย่างที่ใจโหยหา แล้วความอบอ้าวก้าวร้าวที่เพิ่งจะอบใจเรามาหมาดๆ ก็กลายเป็นผุยอดีตไปอย่างรวดเร็ว

จตุรมิตรไม่เพียงสร้างมิตรทางกาย หากยังได้มิตรทางใจ หันมองหน้าเพื่อนรอบตัวอีกครั้ง เราผ่านมันมาร่วมกัน..

เป็นความทรงจำอันงดงามและล้ำค่า ฝังตรึงอยู่กับเรา ไม่มีใครพรากมันไปได้ ไม่มีทางเลย

รอยยิ้ม น้ำตาที่แต่ละคนผ่านชีวิตวัยเรียนร่วมกันมาในช่วงอายุที่กำลังเติบโตเป็นวัยรุ่น วัยที่พลุ่งพล่านด้วยแรงขับดัน มันเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งมีอิทธิพลต่อชีวิต

แต่ละที่แต่ละโรงเรียนก็จะมีความทรงจำร่วมกันของนักเรียนที่นั่น มันมีส่วนขัดเกลาชีวิตในวันข้างหน้าทั้งสิ้น

บางคนติดนิสัยบางอย่างมาจากเพื่อนที่โรงเรียนก็ช่วงนั้น บางคนติดพฤติกรรมบางอย่างมาจากกิจกรรมที่ทำในโรงเรียนก็ช่วงนั้น วัยมัธยมที่เขาว่ากันว่าเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อและมีคุณค่าอย่างมากอีกห้วงของชีวิตนั้นไม่ได้ผิดความจริงไปเลย

บางทีนั่นอาจเป็นที่มาของคำถามที่ว่าเพราะอะไรเราถึงไม่เคยลืมเลือนเพื่อนสมัยมัธยมและเป็นช่วงที่สนุกสุดเหวี่ยงที่สุด ก็เพราะมันเป็นความลงตัวระหว่างเวลา อารมณ์ และประสบการณ์

ที่ไหนก็ที่นั้นไม่ว่าใครก็รักโรงเรียนของตัวเอง รักเพื่อนพ้อง รักคุณครู รักสิ่งที่ผ่านมาตลอดเวลาช่วงวัยรุ่นตอนต้น

น้องๆ ที่กำลังเรียนอยู่คงเข้าใจในระดับหนึ่ง แต่เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานต้องรับผิดชอบนู่นนี่นั่นมากมายจะยิ่งเข้าใจความรู้สึกนี้ยิ่งขึ้น โหยหามันมากกว่าเดิม

สำหรับใครก็ตามที่ร่ำเรียนที่เทพศิรินทร์ สวนกุหลาบ อัสสัมชัญ และกรุงเทพคริสเตียน ฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคีหรือที่ทุกคนเรียกกันสั้นๆ ว่า จตุฯ นั้นฝังอยู่ในความรู้สึกนึกคิดเสมอด้วยความที่เติบโตมากับมัน แค่ปีแรกที่เข้าเรียนก็ได้ยินคำนี้กันแล้ว

ยิ่งเมื่อวันเวลาผ่านไปอีก ได้สั่งสมอารมณ์ร่วมมากขึ้นไปอีก จะใช้คำว่าเราหายใจเข้าออกเป็นจตุรมิตรก็คงไม่ผิด

ผมก็เคยผ่านช่วงเวลานั้น แทบไม่เคยมีจตุรมิตรวันไหนที่ผมพลาดเลยนับตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับมัน

สมัยนุ่งกางเกงขาสั้นสีกากีนั้นหายห่วง ขึ้นสแตนด์แปรอักษรบ่มเพาะความอดทนและสปิริตของลูกแม่รำเพยตั้งแต่มัธยมต้น พอโตหน่อยไม่ต้องขึ้นสแตนด์เชียร์ก็ปักหลักที่อัฒจันทร์ฝั่งมีหลังคา

เรียนจบเข้ามหาวิทยาลัยอิสระเสรีวันเตะชนวันเรียนก็โดดเรียนไปดูบอล เราตามเก็บเลคเชอร์จากเพื่อนๆ ทีหลังได้แต่ตามเก็บลมหายใจเร่าร้อนในสนามศุภชลาศัยไม่ได้

เกมผ่านแล้วผ่านเลยเป็นตายร้ายดีก็ต้องพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสนามให้ได้ ไปเชียร์เทพศิรินทร์เตะกับสวนฯ หวดอัสสัมฯ อัดคริสเตียน

จบปริญญาตรีทำงานก็โชคดีอีกงานนักข่าวที่สยามกีฬาเอื้อสุดๆ ต่อการไปเชียร์บอลช่วงบ่ายในวันธรรมดา จตุฯ จะเตะเสาร์-จันทร์-พุธ-เสาร์ ผมจึงไม่เคยพลาดเลยสักวันเว้นแค่ช่วงเวลาไปประจำการที่อังกฤษซึ่งตรงกับจตุรมิตรครั้งที่ 24 เมื่อปี 2550 กับงานด่วนก่อนนัดชิงวันสุดท้ายเมื่อปี 2557 เท่านั้นเอง

ปกติแล้วผมจะดูเกมทั้งสองคู่ในวันนั้น เทพศิรินทร์เตะคู่แรกก็อยู่ต่อดูคู่หลัง เทพศิรินทร์เตะคู่หลังก็มาแต่เนิ่นๆ ดูเกมของคู่แรก ได้เห็นฟอร์มของอีกสามโรงเรียนแล้วก็ได้รับบรรยากาศที่อบอวลด้วยความมันระดับทะลักปรอท อิ่มเอมอิ่มใจเติมพลังให้ตัวเอง

แน่นอนครับ ปีนี้ก็คงจะเป็นอย่างนั้นเหมือนเดิม

จตุรมิตรครั้งนี้เป็นครั้งที่ 29 แล้ว เรามองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างชัดเรื่องหนึ่งตั้งแต่ครั้งที่แล้วเมื่อสองปีก่อนนะครับ นั่นคือจตุรมิตรแสดงให้เห็นว่าตัวรายการนั้นมีคุณค่าและสามารถขยายตลาดได้กว้างไกลจริงๆ

ออกแบบชุดแข่งสวยๆ ออกแบบสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวกับจตุรมิตรทั้งเสื้อยืด เสื้อโปโล ผ้าพันคอ หมวก กระเป๋า และอะไรอื่นๆ อีกจิปาถะ ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางโซเชียลรับรองได้ขายเป็นมือระวิง

ตลาดจตุรมิตรใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะนักเรียนเก่า-ศิษย์เก่ามากขึ้นทุกปี ใครที่เรียนจบจากทั้ง 4 สถาบันก็จะได้ชื่อว่าเป็น Alumni เป็นศิษย์เก่า-นักเรียนเก่า เป็น DSA OSK OMAC BCCA ตลอดไป

ตลาดนี้จึงมีแต่เพิ่มไม่มีลด

ชุดแข่งหรือของที่ระลึกทั้งหลายที่เปลี่ยนผู้ผลิตจาก แกรนด์สปอร์ต เป็น อาริ ตั้งแต่คราวก่อนกระตุ้นความสนใจได้มากเพราะชาวจตุรมิตรมีผลิตภัณฑ์ในอีกโทนหนึ่งให้สะสม

อารมณ์แบบแกรนด์สปอร์ตก็สะสมเอาไว้เต็มบ้านแล้ว เสื้อแข่งผ้าพันคอของกระจุกกระจิกซื้อมันทุกครั้ง พอมาเมื่อสองปีก่อนก็ได้ควักกระเป๋าเงินซื้อในอารมณ์การออกแบบของอาริบ้าง ปีนี้ก็คงได้ควักกระเป๋าจับจ่ายซื้อหามาเก็บไว้เหมือนเดิม

ในความเปลี่ยนแปลงบางเรื่องก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่เคยเปลี่ยน จตุรมิตรจะเป็นโอกาสอันดีให้เพื่อนเก่าๆ ได้กลับมาเจอกัน

ต่างคนต่างเรียนจบแยกย้ายกันไปทำงานมีวิถีชีวิตมีครอบครัว ทุกวันนี้อาจมีนัดเจอกันบ้างแต่ก็ยากที่จะรวมตัวกันได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ เต็มที่ก็คุยเล่นกันในไลน์กลุ่ม

จตุฯ จะเรียกเพื่อนๆ ที่ไม่ได้เจอกันได้กลับมาเจอกัน เชียร์บอลด้วยกัน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน รำลึกถึงวันเก่าๆ กับเพื่อนแก่ๆ มันก็มีความสุขที่เป็นผลพลอยได้ตามมา

จตุรมิตรในความทรงจำของแต่ละคนก็คงจะแตกต่างกันออกไปนะครับ ส่วนใหญ่ก็คงอิงตามความสำเร็จของสถาบันนั่นแหละ เด็กสวนกุหลาบตั้งแต่อดีตอาจจะมีเยอะหน่อยเพราะได้แชมป์บ่อยกว่าใคร กรุงเทพคริสเตียนกับอัสสัมชัญก็นับเป็นขาประจำในนัดชิง อย่างหนล่าสุดก็เป็นคู่นี้ที่ชิงกันก่อนที่บทสรุปจะเป็นอินทรีแดงแรงฤทธิ์

ส่วนเด็กเทพฯ อย่างผมก็คงไม่มีวันลืมปรากฏการณ์ในปี 2542 ที่โคตรสุดตั้งแต่รอบแรกยันนัดชิง มันคือปีประวัติศาสตร์จริงๆ

เสมออัสสัมชัญ 2-2 ไล่ตีเสมอกรุงเทพคริสเตียน 2-2 หลังโดนนำ 0-2 ชนะสวนกุหลาบ 5-0 นัดชิงโดนคริสเตียนนำ 2-0 ก็ยิงสองประตูในช่วงทดเวลาตีเสมอ 2-2 อีกครั้ง คว้าแชมป์ร่วมกันไปครอง

ชื่อของ วรวุฒิ วังสวัสดิ์ ไพฑูรย์ เทียบมา จักรกริช บุญคำ ธวัชชัย ทองฮวด และความทรงจำครั้งนั้นยังถูกพูดถึงในรั้วรำเพยมาจนทุกวันนี้

แน่นอนครับ ผมก็อยากจะกลับไปสัมผัสความดีใจสุดเหวี่ยงแบบนั้นอีก แทบจะพูดได้ว่าจำเหตุการณ์บนอัฒจันทร์ได้ทุกวินาทีในวันชนะสวนฯ และตอนที่ขุนพลลูกแม่รำเพยทำมันได้อีกครั้งในนัดชิงกับคริสเตียน ใช้คำว่าดีใจยังน้อยไป มันคือความบ้าคลั่งและหลุดโลกอย่างจริงจังไม่เกินเลย

อารมณ์แบบนี้พวกเราชาวจตุฯ เคยสัมผัสและผ่านมันมาแล้วทั้งนั้น แต่ก็ยังอยากลิ้มรสมันอีกราวไฟปรารถนา

ดื่มด่ำไปกับจตุรมิตรครับ ช่วงนี้พ่อบ้านที่เป็นชาวจตุฯ คงจะฮัมเพลงเชียร์โรงเรียนให้ได้ยินบ่อยๆ คุยโขมงเรื่องจตุฯ จนน่ารำคาญ หรือนัดเจอเพื่อนที่มาจากทุกทิศแบบวันเว้นวันหรือทุกวัน แม่บ้านจตุฯ ควรเข้าใจอย่างยิ่ง..

อ่านข่าวอื่นๆได้ที่ >>>  www.ufabetwinS.com

หน้าแรก >>> https://www.joenamathcamp.com