โอลิมปิก เกมส์ คือมหกรรมกีฬาที่ใครก็ต่างอยากเป็นส่วนหนึ่งกับการแข่งขันยิ่งใหญ่นี้ บางคนสำเร็จตั้งแต่หนุ่มสาว แต่บางคนอาจใช้เวลายาวนานกว่านั้น
เหมือนกับ เรื่องราวของ เศวต เศรษฐาภรณ์ นักกีฬายิงเป้า บินทีมชาติไทย ที่บรรลุความสำเร็จ อันยิ่งใหญ่ ในวัยใกล้เลข 6
เขาพิสูจน์ ให้เห็นว่า อายุไม่ใช่อุปสรรค ที่จะขัดขวางความฝัน ให้เป็นจริง จนกลายเป็น นักนักกีฬาชาวไทย คนแรกที่ตีตั๋วไป โอลิมปิก เกมส์ 2020 ได้สำเร็จ และชายไทย คนแรกที่จะได้ ไปแข่งขันยิงเป้าบิน ในมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดของโลก
เศวต เศรษฐาภรณ์ แตกต่างจากนักกีฬาทีม ชาติไทยทั่วไป เพราะเขามา เริ่มต้นเล่น ยิงเป้าบิน เมื่อตอนอายุ 41 ปีแล้ว ซึ่งเป็นวัย ที่บางคนเลิกเล่น ไปแล้วด้วยซ้ำ
ชีวิตของ เศวต เศรษฐาภรณ์ ผ่านการต่อสู้บนสนามชีวิตของตัวเองมาโดยตลอด เขาใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักบินตั้งแต่วัยเยาว์ แต่กลับไม่สามารถสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ เนื่องจากมีคุณพ่อเป็นคนจีน ตามกฎโรงเรียนเตรียมทหารใน ยุคสมัยนั้น หากมีบุพการี เป็นคนที่ไม่ได้ ถือสัญชาติไทย จะหมดสิทธิ์เข้าเรียน
เศวต ไม่ได้ยอมแพ้ต่อความฝัน เขาเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จบการศึกษาได้ปริญญามาถึง 2 ใบ นั่นคือ ด้านการเงินและการตลาด ส่วนอีกใบคือวิศวกรรมการบิน
แม้จะมีความฝันอยากเป็นนักบินอาชีพ แต่เศวตไม่เคยได้ทำตามฝันของตัวเองอย่างจริงจัง เนื่องจากต้องผันตัวเป็นนักธุรกิจตามความต้องการของครอบครัว จนกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่การขับเครื่องบินก็ยังคงเป็นงานอดิเรกของ เศวต เศรษฐกรณ์ อยู่ตลอด
กระทั่ง เมื่ออายุ 41 ปี คุณแม่ได้ขอร้องให้ เศวต เลิกขับเครื่องบิน เนื่องจากกลัวเจ้าตัวจะประสบอุบัติเหตุ ซึ่งเขาทำตามที่ครอบครัวร้องขอ ทำให้เศวตต้องตามหากิจกรรมใหม่ที่จะเข้ามาเป็นแพชชั่นใหม่ สร้างความสุขให้กับตัวเอง
ช่วงเวลานั้นเอง เศวตได้รับการชักชวนจากเพื่อนให้ลองมาเล่นกีฬายิงเป้าบิน เขาตกหลุมรักกีฬานี้ภายในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากชื่นชอบความท้าทาย และการคาดเดาไม่ได้ของเป้าบิน ไม่ต่างอะไรกับตอนขับเครื่องบิน ยามเหินฟ้าอยู่บนอากาศ
ปกติแล้ว นักกีฬายิงปืนเป้าบิน ส่วนใหญ่จะเลิกแข่งขันเมื่ออายุขึ้นเลข 4 แต่เศวตกลับเริ่มเล่นกีฬานี้ตอนอายุ 41 ปี
แต่เขาสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่า อายุไม่ใช่ปัญหา ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปี เศวต กลายเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย แสดงให้เห็นว่า เขาทุ่มเทแค่ไหนกับการฝึกซ้อมในฐานะนักยิงเป้าบิน แต่นั่นเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
เศวต ใช้เวลาอีก 2 ปี กว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นนักยิงเป้าบินชายมือ 1 ของสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทยฯ นั่นหมายความว่า ทุกรายการที่ทีมชาติไทยจะส่งนักกีฬาไปแข่ง เขาได้รับสิทธิ์คนแรกให้เป็นตัวแทนประเทศ
หากแต่เศวตไม่ใช่คนที่จะนั่งรอให้โอกาสเข้ามาหา แต่เขาเลือกที่จะวิ่งชนใส่มันเช่นกัน ตัวเขายอมจ่ายเงินออกค่าใช้จ่ายในการแข่งขันเองหลายรายการ เพื่อให้เขามีโอกาสได้แข่งขันในรายการระดับโลกในฐานะตัวแทนของทีมชาติไทย เพื่อเก็บประสบการณ์มาให้ได้มากที่สุด
ด้วยอายุที่มาก ทำให้ในการแข่งขันต่างๆ เศวต มักถูกมองข้าม และไม่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นผู้ชนะ อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์ ทั้งในฐานะนักบินและนักธุรกิจ สอนให้เขารู้ว่าจะลงมือทำสิ่งใดต้องทำให้เต็มที่ ต่อให้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่หวัง ห้ามที่จะคิดยอมแพ้
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เพราะตลอด 15 ปีแรกของการเป็นนักยิงปืนเป้าบิน เศวตไม่ชนะรายการใหญ่ใดๆ ไม่ว่าจะเป็น ซีเกมส์, เอเชียนเกมส์ หรือการแข่งขันยิงปืนชิงแชมป์โลก
เศวตรู้ดีว่าเขาเป็นรอง ทั้งเรื่องร่างกาย เวลาในการฝึกซ้อม รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ แต่สิ่งที่ได้เปรียบคือประสบการณ์ชีวิตมากมายที่ไม่ได้ทำให้เขามองความพ่ายแพ้เป็นสิ่งที่ล้มเหลว แต่คอยเรียนรู้ทุกความผิดพลาด เพื่อพัฒนาฝีมือของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
แม้จะไม่ประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ เศวต เศรษฐาภรณ์ ฝันถึงการไปร่วมแข่งขันมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนักกีฬาสมัครเล่น อย่าง โอลิมปิก เกมส์ อยู่เสมอ และเขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ด้วยการออกเงินของตัวเองจ้าง มาร์โก คอนติ โค้ชทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มาเป็นโค้ชส่วนตัว เพื่อช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดของการเป็นนักกีฬายิงปืน
ความพยายามที่ยาวนานของ เศวต เศรษฐาภรณ์ มาออกผลในการแข่งขันชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2019 ซึ่งเขาคว้าตำแหน่งรองแชมป์มาครอง
ถึงจะได้เหรียญเงินจากการแข่งขันครั้งนั้น แต่เศวตได้รับโควต้าในฐานะรองแชมป์โลกให้ไปเข้าแข่งขันในโอลิมปิก เกมส์ 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในทันที กลายเป็นนักยิงปืนเป้าบินชายไทยคนแรกที่ได้เข้าแข่งขันในมหกรรมกีฬารายการนี้
ในฐานะนักกีฬา เศวต เศรษฐาภรณ์ เคยประสบความ สำเร็จมาแล้ว ด้วยการคว้าเหรียญทองซีเกมส์ ในปี 2019 แต่การเป็นส่วนหนึ่งของโอลิมปิก เกมส์ ของผู้ชายวัย 58 รายนี้ คือความสำเร็จที่ล้ำค่ามากกว่าเหรียญทองจากรายการไหน
การต่อสู้กับตัวเอง เพื่อเติมตามฝันคือชัยชนะ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด วันนี้ เศวต เศรษฐาภรณ์ ได้ชนะการแข่งขันบนสังเวียนนี้เป็น ที่เรียบร้อย ซึ่งเราต้องมาดูกันว่า ในการแข่งขัน “โตเกียว เกมส์” ที่กำลัง จะมาถึง เขาจะสามารถชนะการแข่งขันได้อีกครั้งหรือไม่